นับตั้งแต่การพบกันครั้งล่าสุดระหว่างเชลซีและไบรท์ตันในช่วงปลายเดือนกันยายน ซึ่งเชลซีสามารถทำประตูได้ถึง 4 ลูก โดยโคล พาล์เมอร์เป็นผู้ทำทั้งหมด สถานการณ์ของทีมได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ในช่วงนั้น "สิงห์บลูส์" ถูกยกให้เป็นทีมที่สร้างความบันเทิงที่สุดในพรีเมียร์ลีก
แต่ปัจจุบัน ผลงานของเชลซีดูเหมือนจะแช่แข็งไปเสียแล้ว นี่เป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เทศกาลคริสต์มาสที่พวกเขานำก่อนแต่ไม่สามารถรักษาชัยชนะไว้ได้ การนำก่อนแล้วพลาดท่าเสียคะแนนเกิดขึ้นในเกมกับฟูแล่ม, คริสตัล พาเลซ, บอร์นมัธ, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และล่าสุดกับไบรท์ตัน
สถานการณ์ยิ่งน่าเป็นห่วงเมื่อพิจารณาว่าพวกเขาเผชิญหน้ากับไบรท์ตันที่เพิ่งเสียประตูถึง 7 ลูกในสัปดาห์ที่แล้ว อีกทั้งผู้รักษาประตูของไบรท์ตันยังทำผิดพลาดเสียประตูในนาทีที่ 5 และกัปตันทีมอย่างลูอิส ดังค์ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งแรก ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงในแนวรับของทีม แต่เชลซีกลับสร้างโอกาสยิงตรงกรอบได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นในนาทีที่ 4
การที่โคล พาล์เมอร์ ซึ่งเคยทำ 4 ประตูในการเจอกันครั้งก่อน ถูกจับทางได้ในเกมนี้ ประกอบกับคริสโตเฟอร์ เอ็นคูนคู ที่ยังขาดความฟิตและสัมผัสบอลเพียง 33 ครั้งตลอดทั้งเกม (น้อยเป็นอันดับสองในบรรดาผู้เล่นตัวจริงของเชลซี) โดยไม่มีการยิงประตูเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในแนวรุก
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้หลังเอาชนะเลย์ตัน โอเรียนท์ แต่ต้องแลกมาด้วยการบาดเจ็บของนักเตะคนสำคัญ นิโคลัส กอนซาเลซ ผู้เล่นใหม่มูลค่า 50 ล้านปอนด์ที่เพิ่งย้ายมาในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย ซึ่งถูกคาดหวังให้เป็นตัวแทนของรอดรี ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 22 ของการลงเล่นนัดแรกให้กับทีม sbobet
เป็นการเปิดตัวที่ไม่น่าจดจำสำหรับกอนซาเลซ วัย 23 ปี ที่ได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าฟุตบอลอังกฤษนั้นเข้มข้นและท้าทายเพียงใด เป็นประสบการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าการปรับตัวในพรีเมียร์ลีกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ท่ามกลางผลงานที่ไม่น่าประทับใจในครึ่งแรกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมกับเลสเตอร์ แพทริค ดอร์กู นักเตะใหม่มูลค่า 30 ล้านปอนด์จากเลชเช่ กลับเป็นจุดสว่างเพียงหนึ่งเดียวของทีม
การเปิดตัวที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดของดอร์กูมาพร้อมกับการถูกจับให้เล่นในตำแหน่งวิงแบ็คขวา ในขณะที่ดิโอโก้ ดาลอตเล่นฝั่งซ้าย เป็นการตัดสินใจที่น่าสนใจของผู้จัดการทีม
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งไม่ได้คว้าแชมป์รายการใหญ่ในประเทศมาเป็นเวลา 70 ปี กำลังอยู่ในเส้นทางที่จะคว้าสองแชมป์ในฤดูกาลเดียว
ทีมของเอ็ดดี้ ฮาว ต่อยอดความสำเร็จจากการผ่านเข้าชิงชนะเลิศคาราบาวคัพเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ด้วยการเอาชนะเบอร์มิงแฮม ซิตี้ จ่าฝูงลีกวัน ในรอบ 4 ของเอฟเอคัพ
แม้จะมีการเปลี่ยนผู้เล่นถึง 9 ตำแหน่ง แต่ทีมสำรองของนิวคาสเซิลก็แสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดหลังจากเสียประตูในช่วง 40 วินาทีแรก และสามารถต้านทานการเล่นที่แข็งแกร่งของเจ้าบ้านในครึ่งหลังได้
อย่างไรก็ตาม จุดด่างพร้อยเพียงอย่างเดียวในค่ำคืนนี้คือการบาดเจ็บของแดน เบิร์น ซึ่งเอ็ดดี้ ฮาวแสดงความกังวลว่า "ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เราดูเหมือนจะมีนักเตะบาดเจ็บเพิ่มขึ้นสองสามคน นี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราต้องการให้เกิดขึ้น เพราะอาจทำให้เราหลุดจากเส้นทาง"
สำหรับสโมสรที่รอคอยถ้วยรางวัลมา 70 ปี การเดินทางในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้อาจเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
เอฟเอ คัพ รอบ 4 ได้สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งความผิดหวังของเชลซีที่ยังคงดำเนินต่อ การบาดเจ็บที่น่ากังวลของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสงสว่างใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และความหวังในการคว้าแชมป์ของนิวคาสเซิล
สำหรับเชลซี พวกเขาจำเป็นต้องหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องการทำประตูและการรักษาผลนำโดยด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาต้องพบกับไบรท์ตันอีกครั้งในวันวาเลนไทน์
ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องรอลุ้นอาการบาดเจ็บของนิโคลัส กอนซาเลซ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการของทีมในช่วงที่เหลือของฤดูกาล
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบความหวังใหม่ในตัวแพทริค ดอร์กู แม้จะยังต้องการเวลาในการปรับตัว แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าสนใจ
ส่วนนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น โดยมีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าสองแชมป์ในฤดูกาลเดียว แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาการบาดเจ็บของนักเตะคนสำคัญ
การแข่งขันเอฟเอ คัพ รอบต่อไปจะมีการจับสลากในวันจันทร์ เวลา 19.10 น. ก่อนการแข่งขันระหว่างดอนคาสเตอร์ กับ คริสตัล พาเลซ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญสำหรับทุกทีมที่ยังเหลืออยู่ในการแข่งขัน