เอนโซ่ มาเรสก้า กุนซือคนใหม่ของเชลซี อธิบายถึงความกดดันที่เขารู้สึกในฐานะผู้จัดการทีมสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลอนดอน ซึ่งเป็นความกดดันที่เขาสร้างขึ้นเองและส่งต่อไปยังนักเตะของเขา เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาทำผลงานได้ดีที่สุด ในขณะที่เขาพยายามฟื้นฟูฤดูกาลของเชลซีที่กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก
มุมมองต่อเดือนมกราคมและความท้าทาย
มาเรสก้าไม่ได้สนใจเรื่องการตั้งเป้าหมายปีใหม่มากนัก เมื่อถูกถามถึงวันหยุดครั้งสุดท้าย เขาต้องใช้เวลาคิดสักพักก่อนจะบอกว่าเป็นช่วงพักเบรกทีมชาติในเดือนพฤศจิกายน สิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาคือการหาวิธีฟื้นฟูฤดูกาลของเชลซี โดยชัยชนะลีกครั้งล่าสุดของทีมย้อนกลับไปถึงกลางเดือนธันวาคมในเกมกับเบรนท์ฟอร์ด
นอกจากนี้ เขายังต้องรับมือกับ "เสียงรบกวน" จากตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม โดยเฉพาะที่สโมสรอย่างเชลซี ซึ่งมักจะมีข่าวลือและการเคลื่อนไหวมากมาย จนทำให้เขาล้อเล่นว่าวิธีที่จะทำให้เขามีความสุขในฐานะผู้จัดการทีมเชลซีคือการปิดเสียงโทรศัพท์ในเดือนนี้ เขามองว่าเดือนมกราคมเป็น "หายนะ" เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่รบกวนสมาธิของทีม ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือจาก sbobet หรือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดซื้อขายนักเตะ
รูปแบบการเล่นและความท้าทายในสนาม
ปัญหาที่น่ากังวลสำหรับเชลซีคือกำลังเกิดรูปแบบการเล่นที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น ในเกมกับฟูแล่มวันบ็อกซิ่งเดย์ พวกเขาครองเกมได้ดีในครึ่งแรกและนำก่อน แต่กลับถูกดึงเข้าสู่เกมที่พวกเขาไม่ต้องการเล่นในครึ่งหลัง จบลงด้วยความพ่ายแพ้ 2-1 ตามด้วยความพ่ายแพ้ต่ออิปสวิช และเสมอกับคริสตัล พาเลซ แม้โคล พาล์เมอร์จะทำประตูให้เชลซีนำก่อน
ในเกมล่าสุดที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซียิงถึง 26 ครั้ง โดย 10 ครั้งเข้ากรอบ พาล์เมอร์ทำประตูแรกได้ แต่ทีมต้องรอถึงช่วงท้ายเกมที่รีซ เจมส์ยิงฟรีคิกเข้าไปถึงจะได้แต้มกลับมา สถิติเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในการจบสกอร์ของทีม แม้จะสร้างโอกาสได้มากมายก็ตาม
มาเรสก้าเคยเผชิญกับสถานการณ์คล้ายๆ แบบนี้มาก่อนในช่วงที่คุมทีมเลสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่ทีมทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในช่วงต้นฤดูกาลในแชมเปียนชิพ พวกเขาก็เจอกับช่วงสะดุด แต่สุดท้ายก็สามารถพลิกกลับมาและคว้าตั๋วเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
มุมมองต่อความกดดันและประสบการณ์
มาเรสก้าเผยว่าเขาไม่รู้สึกถึงความกดดันจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นที่เลสเตอร์เมื่อปีที่แล้วหรือที่เชลซีในปีนี้ แต่เป็นความกดดันที่เขาสร้างขึ้นเองเพื่อพัฒนาทีมและช่วยให้นักเตะพัฒนาขึ้น งานของเขาคือการทำงานกับนักเตะ 20-25 คนที่ต้องการเรียนรู้และพัฒนา
เขามองว่าทุกทีมในพรีเมียร์ลีก ยกเว้นลิเวอร์พูล ต่างก็เคยเจอกับช่วงผลงานแย่ ไม่ว่าจะเป็นอาร์เซนอล เชลซี นิวคาสเซิล แอสตัน วิลล่า หรือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเขามองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเจอกับช่วงเวลาแบบนี้ในระหว่างฤดูกาล และยังเหลืออีกหลายเกมที่อะไรก็เกิดขึ้นได้
ชีวิตส่วนตัวและการจัดการความเครียด
ที่น่าสนใจคือเมื่อถูกถามถึงเครือข่ายคนที่ปรึกษานอกทีมงานโค้ช มาเรสก้าตอบว่ามีเพียงลูกทั้งสี่คนของเขาเท่านั้น ทั้งที่เขาเคยเล่นให้กับ 11 สโมสรใน 4 ประเทศ และเคยทำงานกับผู้จัดการทีมระดับตำนานอย่างคาร์โล อันเชล็อตติ, มาร์เชลโล่ ลิปปี และเป๊ป กวาร์ดิโอล่า
เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ที่สโมสรตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 7 โมงเย็น จากนั้นกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวเพื่อเติมพลังงาน ลูกชายคนโตของเขาอายุ 11 ปี และเริ่มถามคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวนักเตะในเกม ซึ่งทำให้เขาต้องบอกว่า "นอกจากสื่อและแฟนบอลแล้ว ตอนนี้ลูกๆ ก็เริ่มถามเรื่องการเปลี่ยนตัวด้วยแล้ว"
ปรัชญาการทำงานและความสัมพันธ์กับนักเตะ
มาเรสก้าเน้นย้ำถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์และความจริงใจในการทำงานกับนักเตะ เขาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในแง่ของความเข้มข้นและความมุ่งมั่นในการทำงาน เขาพยายามเปิดกว้างและจริงใจกับนักเตะตั้งแต่วันแรก และหวังว่าพวกเขาจะเห็นและชื่นชมในแนวทางนี้
เขาปฏิเสธคำว่า "โหดร้าย" แต่เลือกใช้คำว่า "ซื่อสัตย์" แทน ในการตัดสินใจบางครั้งที่อาจไม่เป็นที่นิยม เขาเชื่อว่าถ้านักเตะเห็นว่าคุณเป็นคนจริงและไม่ได้แสร้งทำ นั่นคือวิธีที่ดีที่สุด
การพัฒนาทีมและอนาคต
ในขณะที่ทีมกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก มาเรสก้ายังคงมั่นใจในแนวทางของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมีนักเตะดาวรุ่งอย่างโคล พาล์เมอร์ที่กำลังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม แม้จะมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยจากเกมกับบอร์นมัธ แต่พาล์เมอร์ก็ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นนักเตะที่มีความสามารถพิเศษ
สัญญา 9 ปีของพาล์เมอร์อาจสร้างความประหลาดใจในตอนแรก แต่เมื่อมีข่าวสัญญาของเออร์ลิง ฮาลันด์ออกมา ก็ทำให้เห็นว่านี่อาจเป็นเทรนด์ใหม่ของวงการ มาเรสก้าเองก็เคยทำงานกับทั้งสองคน และมองว่าทั้งคู่มีศักยภาพที่จะเป็นตำนานของสโมสรในอนาคต
มุมมองต่อการพัฒนาในอนาคต
มาเรสก้ายืนยันว่าทีมไม่ควรพึ่งพาพาล์เมอร์เพียงคนเดียว แม้เขาจะช่วยทีมได้มาก แต่ยังมีผู้เล่นคนอื่นที่ทำผลงานได้ดีเช่นกัน และนี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของทีม นักเตะเหล่านี้อาจได้โอกาสในเกมวันจันทร์กับวูล์ฟแฮมป์ตัน และถ้าพวกเขาสามารถคว้าโอกาสนั้นได้ มุมมองของหัวหน้าโค้ชเชลซีต่อเดือนนี้อาจเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
การบริหารจัดการทีมในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมเป็นความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะการรักษาสมาธิของนักเตะที่อาจได้รับผลกระทบจากข่าวลือการย้ายทีม อย่างไรก็ตาม มาเรสก้าเชื่อว่าด้วยประสบการณ์
