ในโลกฟุตบอลที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ค่าตัวมหาศาล การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดจากจุดเริ่มต้นที่แทบไม่มีใครรู้จักดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยากจะเกิดขึ้น แต่สำหรับเจมี่ วาร์ดี้ sbo ชายผู้เคยเล่นในลีกสมัครเล่นเมื่อสิบกว่าปีก่อน กลับกลายเป็นผู้ที่พาเลสเตอร์ ซิตี้ ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ – คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และกลายเป็นไอคอนประจำสโมสรอย่างไม่มีข้อกังขา
วันนี้ เมื่อเขาประกาศว่าจะอำลาสโมสรหลังจบฤดูกาล 2024-25 แฟนบอลต่างต้องเตรียมใจกับการจากลาครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร การอำลาของวาร์ดี้ไม่ใช่แค่การจากไปของนักเตะคนหนึ่ง แต่เป็นการสิ้นสุดของยุคสมัย และการเริ่มต้นของบทใหม่ที่ยังไม่แน่นอน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ชื่อของเจมี่ วาร์ดี้ไม่เคยปรากฏบนหน้าข่าวกีฬาใหญ่ ๆ เขาเป็นเพียงนักเตะจาก Stocksbridge Park Steels สโมสรระดับนอกลีก และยังต้องทำงานในโรงงานผลิตขาเทียมเพื่อเลี้ยงชีพ ในวัยยี่สิบต้น ๆ เขาไม่มีแม้แต่ความฝันว่าตนจะได้เล่นในพรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำ
แต่ชะตาชีวิตเริ่มเปลี่ยนเมื่อเขาย้ายไปเล่นให้กับฟลีตวูด ทาวน์ และยิงประตูอย่างถล่มทลาย จนเลสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจทุ่มเงิน 1 ล้านปอนด์ในปี 2012 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของนักเตะจากนอกลีกในขณะนั้น การตัดสินใจครั้งนั้นของสโมสรกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของเลสเตอร์
ตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปี 2025 เจมี่ วาร์ดี้ ลงสนามให้กับเลสเตอร์ไปทั้งสิ้น 496 นัด ยิงได้ 198 ประตู และกลายเป็นศูนย์หน้าผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของสโมสร ไม่ใช่เพียงแค่จำนวนประตู แต่คือความมุ่งมั่น แรงผลักดัน และจิตวิญญาณที่เขานำมาสู่ทีม
เขาไม่ใช่แค่ดาวยิงธรรมดา แต่เป็นผู้นำในสนาม เป็นแรงกระตุ้นให้เพื่อนร่วมทีม และเป็นขวัญใจที่แฟนบอลทุกคนรักอย่างหมดใจ
ฤดูกาล 2015-16 คือปีแห่งความมหัศจรรย์ที่แฟนบอลทั่วโลกต้องจดจำ เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของเคลาดิโอ รานิเอรี่ ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยอัตราต่อรองก่อนเปิดฤดูกาลที่ 5000/1
เจมี่ วาร์ดี้ คือหัวใจของทีม เขายิงไป 24 ประตูในลีก และกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูได้ 11 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ทำลายสถิติของรุด ฟาน นิสเตลรอย อย่างสวยงาม
ในฤดูกาลนั้น เขาไม่ได้เพียงแต่ยิงประตูเท่านั้น แต่เขาสร้างแรงบันดาลใจ สร้างพลังใจ และทำให้แฟนบอลทั่วโลกเชื่อว่า "ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้"